ต้องการเปิดบัญชีเพื่อซื้อ-ขาย หลักทรัพย์
กรุณาติดต่อ คุณเพทาย ฤดีเมธาสิทธิ์(นัม)
Tel: 02-200-2459 , 02-200-2460
Mobile: 084-375-2518
E-mail: Stock-Trading-Investing-Numb@hotmail.com
set50bigcap@hotmail.com

ยินดีให้คำปรึกษา พื้นฐานการลงทุน ซื้อ-ขายหุ้น Add มานะค่ะ ^^

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
*เนื้อหาและบทความในบล็อกนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง


ตรวจสอบรายชื่อผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบ
http://capital.sec.or.th/webapp/th/infocenter/intermed/seclicense/Copy_lap_findsl_listcomp.php?ref_id=225

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 16, 2554

หลักการลงทุนเบื้องต้น

การลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงแต่ก็มีวิธีลดความเสี่ยงเช่นกันคือ
1. ควรมีการกระจายความเสี่ยง การกระจายการลงทุนไปในหลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น ฝากธนาคาร ประกันชีวิต ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซื้อหุ้นกู้และนำบางส่วนมาลงทุนซื้อหุ้น โดยกระจายหุ้นไปตาม บริษัทที่ทำอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ และแม้แต่หุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ควรจะกระจายเงินซื้อหุ้นในบริษัทที่ดี ไม่ทุ่มซื้อหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
2. จะซื้อหุ้นบริษัทใด ควรดูว่าบริษัทที่เราจะซื้อหุ้นนั้นมีความเป็นมาอย่างไร มีผล ประกอบการดีเพียงพอหรือไม่ ใครเป็นผู้บริหารสินค้าและบริการที่ผลิตขายได้หรือไม่เพียงใด
3. ซ้อหุ้นที่มีอนาคตดี การซื้อหุ้นเป็นการร่วมเป็นเจ้าของหรือเป็นการซื้ออนาคตนั่นเอง สิ่งที่สำคัญก็คือบริษัท ที่เราจะซื้อหุ้นต้องมีอนาคตที่ดี จะรู้ได้อย่างไรนั้น เราจำเป็นต้องใช้การพิจารณาซึ่งอาจดูไปถึงกำไรที่ผ่านมา และคาดการว่าบริษัทจะ สามารถดำเนินงานได้ดีเพียงใด


การวิเคราะห์หุ้น
การวิเคราะห์หุ้นเป็นการศึกษารวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์การลงทุนที่ผ่านมา และสภาวะปัจจุบัน เพื่อคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนไปในอนาคต เพื่อดูจังหวะการลงทุนรวมถึงกำหนดมูลค่าของหุ้นที่จะลงทุน และอัตรา ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนซึ่งมีวิธีการวิเคราะห์ดังนี้
1. การวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน (Fundamantal Analysis) โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแวดล้อมทุกอย่าง ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายหุ้น หรือส่งผลต่อราคาหุ้นจากปัจจัยใหญ่ ๆ ลงลึกถึงปัจจัยเล็ก ๆ ควรพิจารณาจาก
ก. ความพร้อมในการลงทุนจากสภาวะแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การเมืองและจิตวิทยา
ข. วิเคราะห์เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุน
ค. วิเคราะห์เลือกบริษัทที่เราวรจะลงทุน
2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เป็นการนำภาวะการซื้อขายหุ้นในอดีตมาทำการประเมินและพยากรณ์เพื่อดูว่า จะมีแนวโน้มอย่างไรในอนาคต ซึ่งจะช่วยในการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะซื้อขายหุ้นดังนี้
ก. ดูปัจจัยพื้นฐานก่อนการซื้อขาย หมายความว่าก่อนการซื้อ ขายหุ้น ดราควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อม ก่อน สิ่งแรกที่ควรพิจารณาก็คือ ในขณะที่จะลงทุนนั้น ภาวะเศรษฐกิจการเงินเป็นอย่างไร เช่น ในช่วง ที่เศรษฐกิจดี การเงินมีความคล่องตัว กิจการต่าง ๆ สามารถขายสินค้าได้และบริการได้มากขึ้น จูงใจผู้ลงทุนที่มีเงินนำเงินมาลงทุนซื้อหุ้นมากขึ้น ราคาหุ้นก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากเศรษฐกิจซบเซาภาวะหุ้นก็จะซบเซารวมถึงหากว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สถานะการณ์ สงคราม ก็ส่งผลให้ภาวะหุ้นซบเซาได้เช่นกัน
ข. เลือกอุตสาหกรรมที่เติบโต หลังจากดูภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแล้วก็จะต้องเลือกอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ดี แม้ว่าในภาวะที่เสรษฐกิจดีก็จะมีอุตสาหกรรมที่ เจริญเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรมอื่น และในสภาวะเศรษฐกิจซบเซาค่าเงินอ่อนก็จะมีอุตสาหกรรมส่งออกที่เติบโตไม่ได้ซบ เซาเหมือนอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ค. เลือกซื้อหุ้นบริษัทที่ดี หลังจากเลือกอุตสาหกรรรมที่ควรจะลงทุน ก็ควรจะเลือกซื้อหุ้นที่ดีจากอุตสาหกรรมนั้น เพราะในแต่ละอุตสาหกรรมก็จะมีบริษัทที่ดีและไม่ผสมกันไป โดยเลือกจากบริษัทที่มีฐานนะการเงินที่มั่นคง มีการดำเนิน งานที่มีประสิทธิภาพสูง มีรายได้สม่ำเสมอและมีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำ มีผลกำไรดีต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่สามารถทำกำไร ได้ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน

ที่มา http://vclass.mgt.psu.ac.th/~465-521/Trang/Group-05/Investor/principle.htm